ดอกไม้ประจำชาติพม่า

ดอกไม้ประจำชาติพม่า

ดอกไม้ประจำชาติพม่า คือ ดอกประดู่ (Padauk)
ดอกประดู่ เป็นดอกไม้ที่เกิดจากต้นประดู่ มีชื่อเรียกอื่นๆหลายชื่อ เช่น ประดู่อังสนา ดู่ป่า อะนอง และ ดู่ เป็นต้น ต้นประดู่เป็นไม้ยืนต้นขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยเมื่อโตเต็มที่จะมีความสูงราว 10-20 เมตร เป็นไม้เนื้อแข็ง เปลือกสีเทาถึงดำ มักแตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มหนาขนาดใหญ่ ออกดอกเป็นช่อบริเวณปลายกิ่ง

ดอกประดู่ เป็นดอกไม้ขนาดเล็กรวมกันอยู่เป็นช่อ มักออกบริเวณปลายกิ่ง ดอกประดู่มีสีเหลืองทองสวยงาม ออกดอกในช่วงเดือนเมษายน หรือช่วงก่อนฤดูฝนของทุกปี ช่าวพม่านิยมใช้ดอกประดู่ในงานมงคลและการบูชาพระ โดยชาวพม่าให้ความหมายของดอกประดู่ไว้ว่า ดอกประดู่เปรียบเสมือนความคงทน และความแข็งแรง

ดอกไม้ประจำชาติเวียดนาม

ดอกไม้ประจำชาติเวียดนาม



ดอก Lotus หรือ ดอกบัว เป็นดอกไม้ที่ชาวเวียดนามถือว่าเป็น 1 ใน 4 ของพันธุไม้ที่มีความสง่างาม ซึ่งประกอบไปด้วย ต้นสน ต้นไผ่ และต้นเบญจมาศ ดอกบัวเป็นที่รูจักในนาม “ดอกไม้แห่งรุ่งอรุณ” สำหรับชาวเวียดนามแล้วดอกบัวคือสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี ความสง่างามของดอกบัวมักถูกกล่าวถึงในบทกลอนและเพลงพื้นเมืองของประเทศเวียดนาม ดอกบัวพบได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำของประเทศเวียดนาม

ดอกไม้ประจำชาติไทย

ดอกไม้ประจำชาติไทย

                       

ดอกไม้ประจำชาติไทย คือ ดอกราชพฤกษ์ (Ratchaphruek) ที่มีสีเหลืองสวยสง่างาม เมื่อเบ่งบานแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมีเกียรติยศศักดิ์ศรี ซึ่งชาวไทยหลายคนรู้จักกันดีในนามของ ดอกคูน โดยมีความเชื่อว่าสีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์คือสีแห่งพระพุทธศาสนาและความ รุ่งโรจน์ รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีปรองดองของคนในชาติอีกด้วย โดยดอกราชพฤกษ์จะเบ่งบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์–พฤษภาคม มีจุดเด่นเวลาเบ่งบานคือการผลัดใบออกจนหมดต้น เหลือไว้เพียงแค่สีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์เท่านั้น

ดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์

ดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์


 ดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์ คือ ดอกแวนด้ามิสโจควิม (Vanda Miss Joaquim) เป็นกล้วยไม้ลูกผสมในตระกูลแวนด้า โดยตั้งชื่อตาม Angnes Jaquim ผู้ค้นพบ ดอกแวนด้ามิสโจควิมนี้ นอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีคุณลักษณะที่พิเศษคือ มีความแข็งแรง คงทน ดอกบานตลอดปี ซึ่งก็เปรียบได้กับความเจริญก้าวหน้าที่ยั่งยืน ยาวนาน และเปรียบถึงความมั่นคงของชีวิต ด้วยลักษณะดังกล่าว จึงถูกรับเลือกให้เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 15 เมษายน ปี 1981  โดยในการคัดเลือกดอกไม้ประจำชาติในครั้งนั้น มีดอกไม้ที่ถูกนำมาคัดเลือกถึง 40 ชนิด อีกทั้งกล้วยไม้อีก 30 ชนิดด้วยกัน

ดอกไม้ประจำชาติของประเทศฟิลิปปินส์

ดอกไม้ประจำชาติของประเทศฟิลิปปินส์


ดอก Sampaguita Jasmine หรือดอกพุดแก้ว เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 1934 ดอก Sampaguita มีกลีบดอกรูปดาวสีขาวที่บานตลอดทั้งปี โดยจะแย้มดอกในตอนกลางคืนและส่งกลิ่นหอมประมาณหนึ่งวัน สำหรับประชาชนชาวฟิลิปปินส์ ดอกไม้ชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความเรียบง่าย ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความเข้มแข็ง การผลิบานของดอก Sampaguita ถูกนำมาเฉลิมฉลองในตำนานเรื่องเล่าและบทเพลงของประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีความเชื่อว่าดอกไม้ชนิดนี้มีที่มาจากแถบ Himalaya ในศตวรรษที่ 17

ดอกไม้ประจำชาติมาเลเซีย

ดอกไม้ประจำชาติมาเลเซียดอกพู่ระหง

ดอกไม้ประจำชาติมาเลเซีย คือ ดอกชบาแดง หรือ ดอกพู่ระหง หรือ ดอกบุหงารายอ (Bunga Raya)

ดอกบุหงารายอ หรือ ดอกพู่ระหง หรือ ดอกชบาแดง เป็นดอกของต้นชะบา ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ทรงพุ่มขนาดเล็ก เนื้อไม้อ่อน หักง่าย มีความสูงตั้งแต่ 1-2.5 เมตร มีใบเป็นใบเดี่ยวเรียงกันอยู่ตามกิ่งก้าน ใบเป็นวงรีและเว้าเป็นแฉก ขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบติดตา ทาบกิ่ง และปักชำ

ส่วนดอกของชบาหรือบุหงารายอนั้น มีลักษณะที่ดูเผินๆคล้ายดอกกุหลาบ มีกลีบดอก 5 กลีบ สีแดงสดสวยงาม เรียงกันอยู่โดยรอบฐานดอก มีก้านเกสรยาวพ้นกลีบดอกออกมาเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนเกสรจะมีสีเหลืองคนมาเลเซียเชื่อว่าดอกชบาสีแดง จะช่วยสร้างความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ ช่วยให้มีความเป็นปึกแผ่น รวมถึงเป็นดอกไม้ที่มีความสวยงามและสง่างามในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้เป็นสมุนไพรพื้นบ้านสำหรับรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย ดังนั้นดอกชบาจึงถูกยกให้เป็นดอกไม้ประจำชาติมาเลเซีย

ดอกไม้ประจำชาติลาว

ดอกไม้ประจำชาติลาว




“ดอกจำปา” หรือ ดอกลั่นทม หรือ “ดอกลีลาวดี” (Champa) เป็นไม้ดอกยืนต้นในสกุล Plumeria เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและสีสันหลากหลาย เช่น สีชมพู สีเหลือง สีแดง หรือสีโทนอ่อนต่างๆ ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นเพียงสีขาวเท่านั้น โดยดอกจำปาลาวนั้นเป็นตัวแทนของความสุขและความจริงใจ จึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายพิธีสำคัญต่างๆ อีกทั้งยังใช้ทำเป็นพวงมาลัยต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่สำคัญ ดอกจำปาจะบานทุกวันและอยู่ได้นาน จึงนิยมปลูกอย่างแพร่หลายและเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะในบริเวณวัด